วินนิ่งเอฟที ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เปิดสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ปะทะกับ ลิเวอร์พูล เริ่มเกมมา 6 นาที เจ้าบ้าน สเปอร์ส ได้โอกาส ยิงทักทายก่อน จากการซัดนอกกรอบของ เปาลินโญ่ แต่บอลโด่งออกหลังไปเยอะ นาทีที่ 12 แฟนไก่เดือยทองมีเสียว ในจังหวะที่ โจ อัลเลน วอลเล่ย์ยิงในกรอบเขตโทษ บอลไปถูกแขนของ เปาลินโญ่ แต่ผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ไม่ว่าอะไร นาทีที่ 18 แฟนลิเวอร์พูล ได้เฮกันลั่น เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ จ่ายบอลไปติด ไมเคิ่ล ดอว์สัน ก่อนวิ่งตามมาฉกบอลในกรอบเขตโทษ ล็อคหลบ ไคล์ วอล์คเกอร์ หนึ่งจังหวะก่อนจิ้มยิงประตูอย่างเหนือชั้น ให้หงส์แดง บุกนำ 1-0 นาทีที่ 40 หงส์แดง ได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิง วางบอลยาวให้ คูตินโญ่ แปะบอลตั้งให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หลุดไปยิง แต่บอลติด อูโก้ โยริส มาเข้าทางปืน หลุยส์ ซัวเรซ ซ้ำยิง โยริส ปัดบอลมาเข้าเหลี่ยมวอลเล่ย์ของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สวนตูมเดียวไม่เหลือ ลิเวอร์พูล บุกนำ 2-0 นาทีที่ 63 เจ้าบ้านสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อ จอน มอสส์ ผู้ตัดสินตัดสินใจให้ใบแดง เปาลินโญ่ จากจังหวะที่ไปถีบเข้าใส่หน้าอกของ หลุยส์ ซัวเรซ บริเวณกลางสนาม นาทีที่ 75 หงส์แดงทำเกมขึ้นมาได้สวย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตอกส้นให้ หลุยส์ ซัวเรซ วางบอลเข้าไปในเขตโทษ จอน ฟลานาแกน วิ่งเข้ายิงด้วยขวาบอลพุ่งชนคานก่อนกระดอนเข้าประตูไป ลิเวอร์พูล หนีห่าง 3-0 นาทีที่ 84 หลุยส์ ซัวเรซ หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อูโก้ โยริส เข้าประตูให้ ลิเวอร์พูล หนีห่างอีกครั้งเป็น 4-0 นาทีที่ 89 ทีมเยือนยังไม่เพลาเกมบุก หลุยส์ ซัวเรซ แทงบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเสียบเสาแรก ลิเวอร์พูล นำแบบสุดกู่ 5-0 หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ สเปอร์ส ถึงถิ่น 5-0 เก็บเพิ่มสามแต้ม ขยับขึ้นไปรั้งรองฝูงโดยมีแต้มห่างจาก อาร์เซน่อล เหลือสองแต้ม
วินนิ่งเอฟที ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556 แอตเลติโก้ มาดริด เปิดบ้านปะทะกับ บาเลนเซีย ออกสตาร์ทครึ่งแรกโอกาสลุ้นทำประตูของทั้งสองทีมไม่มีเลย ต้องรอจนกระทั่งนาทีที่ 23 ดาบิด บีย่า กองหน้าตัวเก๋าของตราหมี จ่ายให้กับ โกเก้ อัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลพุ่งแรงแต่โดนผู้เล่นบาเลนเซียขวางได้ทัน เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 38 แอต.มาดริด ได้โอกาสอีกครั้ง ดีเอโก้ คอสต้า จ่ายทะลุช่องให้กับ ดาบิด บีย่า หลุดเข้าไปทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่โดน กวาร์ดาโด้ เบียดเอาไว้จนยิงไม่ถนัดซัดด้วยขวาข้ามคานไป ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 2 นาที ตราหมี ได้ลุ้นต่อเนื่อง กาบี โยนให้กับ ดีเอโก้ คอสต้า โหม่งเฉี่ยวเสาขวามือไป หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง ตราหมี ได้โอกาสลุ้นก่อน โกเก้ เปิดต่อให้กับ ดีเอโก้ คอสต้า ยิงด้วยซ้ายไปติดเซฟของ ดีเอโก้ อัลเวส ผู้รักษาประตู บาเลนเซีย เจ้าบ้านได้ประตูนำก่อนในนาทีที่ 59 เมื่อ ดีเอโก้ โกดิน เปิดเร็วต่อให้กับ ดีเอโก้ คอสต้า กระชากจากกึ่งกลางสนามทางด้านซ้ายแล้วลากเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายจี้เข้าหา กองหลัง ก่อนตัดสินใจสับไกยิงเร็วด้วยซ้ายบอลเสียบเสาสองเข้าไปให้ แอต.มาดริด ขึ้นนำ 1-0 จนได้ ตราหมี บุกหนักมาได้ประตูที่สองในนาทีที่ 63 เมื่อ ฆวนฟราน ตอร์เรส เปิดจากกราบขวาเข้ากลางบอลมาแฉลบขาของโอริโอล โรเมว กองกลางบาเลนเซีย มาเข้าทางของราอูล การ์เซีย กระทุ้งด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือให้ แอต.มาดริด นำห่าง 2-0 ท้ายเกมนาทีที่ 80 เจ้าถิ่นได้จุดโทษอีก เมื่อ อันโตนิโอ บาร์รากัน ไปดึง ดีเอโก้ คอสต้า ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ทันที ก่อนที่ ดีเอโก้ คอสต้า ลุกขึ้นมาสังหารเองด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือให้ แอต.มาดริด นำขาด 3-0 และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้แล้ว เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันอีกไม่ได้ จบเกม แอต.มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ บาเลนเซีย ไปได้สวยงาม 3-0 เก็บสามแต้มได้ตามเป้าหมาย ขึ้นมามี 43 แต้มเท่ากับ บาร์เซโลน่า จ่าฝูง และประตูได้-เสียก็เท่ากันด้วย แต่ประตูได้เป็นรอง เลยรั้งรองจ่าฝูงเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น